อาร์แซน เวนเกอร์,อาร์เซน่อล,บาเซ่โลน่า

อาร์แซน เวนเกอร์,อาร์เซน่อล,บาเซ่โลน่า

อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากเมื่อ 13 ปีที่แล้ว อาร์เซน่อล คือแชมป์ยุโรป?

blog

จำนวนเข้าชม 1372 ครั้ง

4 ปีที่แล้ว

อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากเมื่อ 13 ปีที่แล้ว อาร์เซน่อล คือแชมป์ยุโรป?

อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมระดับตำนานของทีมปืนใหญ่ เพิ่งออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวของ beIN Sports เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงเรื่องราวเก่าๆ ในอาชีพคุมทีมของเขา

ผู้สื่อข่าวถามเขาว่า “ถ้าย้อนเวลาได้ คุณอยากให้เทคโนโลยี VAR มาช่วยตัดสินเกมไหนในอาชีพของคุณ?”

กุนซือชาวฝรั่งเศสตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2006”

“ผมคิดว่าประตูตีเสมอของ เอโต้ มันล้ำหน้า และมันอาจจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของสโมสรอาร์เซน่อลได้เลย”

“มันยากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม แต่มันแย่ยิ่งกว่า เมื่อคุณต้องยอมรับความปราชัยให้กับการตัดสินที่ผิดพลาด”

“ประตูตีเสมอมันล้ำหน้า และมันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วทางโทรทัศน์ ซึ่งนั่นคือเรื่องที่ผมเสียใจอย่างที่สุด เราต้องทำอะไรสักอย่างกับมัน”

“เราเล่นในสถานการณ์ 11 ต่อ 10 และสามารถยืนระยะได้ในสถานการณ์นั้น แต่เมื่อต้องมาเสียประตูให้กับจังหวะล้ำหน้า มันก็ยากที่จะรับได้” 

______________________________

เมื่อ 13 ปีก่อน อาร์เซน่อล สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรก

ฤดูกล 2005-06 อาร์แซน เวนเกอร์ พาทีมจบซีซั่นแค่อันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดของสโมสร ตั้งแต่เขาเข้าไปคุมทีมเมื่อปี 1996 ขณะที่ถ้วย เอฟเอ คัพ ก็ตกรอบอย่างรวดเร็ว

แต่การเป็นทีมแรกของลอนดอน ที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้แฟนปืนใหญ่ทุกคนพร้อมยกย่องให้ฤดูกาลนั้นคือฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิต ถ้าทีมรักของพวกเขาทำภารกิจสำเร็จ

แม้ตอนนั้น บาร์เซโลน่า จะเป็นทีมที่ดีที่สุดของยุโรป เมื่อมีนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง โรนัลดินโญ่ นำทัพ พร้อมด้วยตัวสนับสนุนอย่าง ซามูแอล เอโต้ และ เดโก้ แต่ อาร์เซน่อล ก็ไม่กลัวใครทั้งนั้น ในเมื่อพวกเขาสามารถเขี่ยทั้ง เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส ตกรอบมาแล้ว

ทีมปืนใหญ่ไม่เสียประตูเลยในรอบน็อคเอาต์ ผลงานสุดยอดดังกล่าวทำให้ เยนส์ เลห์มันน์ ถูกวางตัวให้เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชาติเยอรมนี ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2006 แทนที่จะเป็น โอลิเวอร์ คาห์น

ขณะที่แนวรุก พวกเขามี เธียร์รี่ อองรี กัปตันทีมที่ครองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 3 ปีซ้อน ต่อให้พวกเขามีรูปเกมเป็นรอง แต่ อองรี พร้อมสร้างความมหัศจรรย์ให้ได้ทุกเมื่อ ถ้ามีโอกาส 

______________________________

นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2006 ที่ปารีส อาร์เซน่อล เปิดเกมด้วยความดุดันกว่า

โอกาสลุ้นประตู 2 หนแรกของเกมเป็นของทีมปืนใหญ่ โดยมาจาก เธียร์รี่ อองรี ทั้ง 2 ครั้ง แต่ว่า บิคตอร์ บัลเดส ยังสามารถช่วยป้องกันให้บาร์เซโลน่าได้

การต่อกรกับทีมแชมป์ ลา ลีกา ได้อย่างสูสี ทำให้อาร์เซน่อลยิ่งเล่น ยิ่งมั่นใจเรื่อยๆ

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของเกม อยู่ที่นาทีที่ 18 เมื่อ โรนัลดินโญ่ แทงทะลุช่องให้ ซามูเอล เอโต้ หลุดเดี่ยวไปแตะหลบ เยนส์ เลห์มันน์ กำลังจะได้ยิง แต่ว่าดาวยิงทีมชาติแคเมอรูน โดน เลห์มันน์ ขวางจนล้มลง

นั่นคือ โปรเฟสชันแนล ฟาวล์ ที่แค่พยายามป้องกันประตูเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้ หมายความว่า ผู้ตัดสิน เทอร์เย่ เฮาเก้ จากนอร์เวย์ สามารถตัดสินใจให้เป็นลูกได้เปรียบของบาร์ซ่าก็ได้ เพราะหลังจากเอโต้ล้มลง ก็มี ลูโดวิช ชูลี่ ที่วิ่งเข้าแปตุงตาข่าย

แต่สิ่งที่ เฮาเก้ เลือกทำ คือตัดสินใจชูใบแดงไล่ เลห์มันน์ ออกไป ซึ่งนั่นคือการไล่นักเตะออกจากสนามเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ

อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องตัดสินใจปรับแท็กติกอย่างรวดเร็ว เขาต้องเลือกถอดปีกตัวสำคัญอย่าง โรแบร์ ปิแรส ออกมา เพื่อส่งนายประตูมือสองอย่าง มานูเอล อัลมูเนีย ลงไปแทน

จากฟรีคิกระยะหวังผลหน้ากรอบเขตโทษ ตรงจุดที่เลห์มันน์ทำฟาวล์ โรนัลดินโญ่ ซัดหลุดกรอบออกไป สกอร์จึงยังเสมอกัน 0-0

อาร์เซน่อล รอดพ้นการเสียประตู แต่ต้องเล่นด้วยสภาพเสียเปรียบตัวผู้เล่น นานกว่า 70 นาที… 

______________________________

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล ที่เป็นรองทุกอย่างเป็นฝ่ายขึ้นนำได้ก่อนในช่วงท้ายครึ่งแรก เมื่อ เธียร์รี่ อองรี บรรจงหยอดลูกฟรีคิกจากกราบขวาเข้าไปในเขตโทษ แล้วเป็น โซล แคมป์เบลล์ เทกตัวขึ้นโขกเข้าไป

นั่นคือประตูที่ล้ำค่ามาก ทีมปืนใหญ่ตกเป็นรองอยู่แล้วทั้งศักยภาพและจำนวนตัวผู้เล่น พวกเขามีโอกาสลุ้นประตูไม่บ่อยแน่ จึงจำเป็นต้องฉวยโอกาสทำประตูจากจังหวะแบบนี้ให้ได้

หลังจากขึ้นนำได้ในช่วงเวลาที่ดีมากๆ ทีมปืนใหญ่มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้น

ถึงเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่าก็ไม่เป็นไร ขอแค่ช่วยกันป้องกันไว้ให้ดีจนจบเกม พวกเขาจะเป็นแชมป์ยุโรป…

ทันทีที่เริ่มครึ่งหลัง แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด กุนซือของบาร์ซ่า เน้นเกมบุกมากขึ้น โดยส่งตัวทำเกมอย่าง อันเดรส อีเนียสต้า ลงไปแทนตัวตัดเกมอย่าง เอ็ดมิลสัน ที่มีอาการบาดเจ็บ

จากนั้นนาที 61 ไรจ์การ์ดส่งตัวรุกลงไปอีกคน ให้ เฮนริค ลาร์สสัน ลงไปแทนที่ มาร์ค ฟาน บอมเมล และนั่นทำให้บาร์ซ่ายิ่งเป็นฝ่ายบุกกดทีมปืนใหญ่จนโงหัวไม่ขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้น อาร์เซน่อล ก็ยังป้องกันไว้ได้ทุกทาง เพียงแต่ในช่วงก่อนเข้า 15 นาทีสุดท้าย พวกเขาต้องมาเสียประตูที่เปลี่ยนโมเมนตัมของเกมทั้งหมดไป

และอาจจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วย อย่างที่ เวนเกอร์ ว่าเอาไว้ 

______________________________

การประสานงานของ 2 ตัวสำรอง ทำให้บาร์เซโลน่าได้ประตูตีเสมอ ในนาที 76

อีเนียสต้า จ่ายบอลด้วยสายตาอันแหลมคมเข้าไปในเขตโทษให้ ลาร์สสัน เคาะเร็วให้ ซามูเอล เอโต้ แตะไปซัดผ่าน อัลมูเนีย เข้าเสาแรก

สกอร์เป็น 1-1 บาร์เซโลน่ากลับมากุมความได้เปรียบเต็มตัว เพราะด้วยจำนวนผู้เล่นที่มากกว่า หากจะมีใครเป็นฝ่ายได้ประตูชัย ก็น่าจะเป็นทัพอาซูลกราน่า

ในขณะที่นักเตะบาร์ซ่าฉลองประตูตีเสมออย่างสุดเหวี่ยง พวกกองหลังอาร์เซน่อลพยายามประท้วงทีมงานผู้ตัดสิน เพราะยืนยันว่า เอโต้ ล้ำหน้า

แต่ ณ เวลานั้นไม่มี VAR เหมือนทุกวันนี้ ถ้าหาก เทอร์เย่ เฮาเก้ ตัดสินใจอะไรไปแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

และ 4 นาทีให้หลัง บาร์เซโลน่า ก็บุกจนได้ประตูชัย เมื่อ เฮนริค ลาร์สสัน ทำแอสซิสต์ลูกที่สองให้ ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ ตัวสำรองคนสุดท้ายซัดมุมแคบลอดขา อัลมูเนีย เข้าไป

แชมป์ยุโรปสมัยแรกของทีมปืนใหญ่ไม่เกิดขึ้น พวกเขาต้องพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวด... 

______________________________

อาร์แซน เวนเกอร์ ยอมรับว่าการเสียเปรียบตัวผู้เล่น ในการเจอกับทีมที่ครองบอลได้สุดยอดอย่างบาร์เซโลน่า คือภารกิจที่แทบจะเป็น Mission Impossible

เขายอมรับได้กับการที่ เยนส์ เลห์มันน์ โดนใบแดง เพราะนั่นคือจังหวะของเกม แต่เขายอมรับไม่ได้กับประตูตีเสมอที่ไม่โปร่งใสเท่าไร

“ผู้ตัดสินก่อความผิดพลาดในช่วงเวลาสำคัญ ประตูแรกของพวกเขาล้ำหน้า"

"สิ่งที่ทำให้เราแพ้มันยากมากที่เราจะรับได้ เพราะเราเล่นได้สุดยอดมากๆ เหมือนกับที่เราเล่นได้ดีในเกมยุโรปมาตลอดทั้งฤดูกาล”

“แต่ในนัดชิงชนะเลิศ ใครๆ ก็จดจำแต่ทีมที่ชนะเท่านั้น”

ส่วนกัปตันอย่าง เธียร์รี่ อองรี ก็บ่นอย่างหัวเสียว่า “ผมไม่รู้ว่าผู้ตัดสินสวมเสื้อบาร์เซโลน่าอยู่หรือเปล่า ถ้าเขาไม่อยากให้พวกเราชนะก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก”

“การตัดสินใจบางอย่างมันประหลาดมาก ผมโดนเตะตลอดเกม แล้วก็คิดว่าผู้ตัดสินจะทำงานของเขา ซึ่งสุดท้ายผมก็คิดว่าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น”

“ผมอยากได้คนที่เหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่แทนมากกว่า”

ถ้าหาก VAR ถูกนำมาใช้ตั้งแต่วันนั้น อาร์เซน่อล จะไม่ถูก เอโต้ ยิงตีเสมอ แล้วก็ไม่แน่เหมือนกันว่า อาจจะยันอยู่จนจบเกมก็ได้…

แต่ในเมื่อฟุตบอลไม่มีคำว่าถ้า ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือ นั่นคือครั้งสุดท้ายและครั้งเดียวที่ทัพเดอะกันเนอร์ส ได้เข้าสู่รอบชิงของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

______________________________

ย้ำอีกครั้งที่เวนเกอร์กล่าวว่า ประตูของเอโต้ อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของอาร์เซน่อลได้เลย ก็น่าคิดนะครับ

ถ้าสมมติว่าทีมปืนใหญ่สามารถคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้จริงๆ สถานะของพวกเขาจะได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดทีมของยุโรปเต็มตัว

เธียร์รี่ อองรี อาจจะตัดสินใจอยู่กับทีมปืนใหญ่ไปจนแขวนสตั๊ด โดยไม่ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า หลังแพ้ให้พวกเขาในนัดชิง UCL แค่ปีเดียว

แอชลี่ย์ โคล อาจไม่ได้มองว่าเชลซีเป็นทีมที่ดีกว่า ถ้าหากสามารถได้แชมป์ยุโรปมาครองก่อนไปบอลโลก

ปี 2006 อาร์เซน่อล อาจจะเสริมทัพได้ดีกว่าการยืมตัว ชูลิโอ บาปติสต้า จาก เรอัล มาดริด ถ้าหากมีดีกรีที่สูงกว่าแค่ “อันดับ 4 พรีเมียร์ลีก”

และพวกเขาอาจไม่ต้องมีช่วงเวลาร้างแชมป์ระดับเมเจอร์นานถึง 9 ปี นักเตะอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ซามีร์ นาสรี่ และ เชส ฟาเบรกาส อาจจะอยู่ในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม นานกว่าที่เห็น 

______________________________

อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล ไม่ใช่ทีมเดียวที่เจอกับความโหดร้ายของฟุตบอล

อังกฤษ โดนหัตถ์พระเจ้าของ ดีเอโก้ มาราโดน่า จนตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 1986 ส่วนอาร์เจนตินาลอยนวลไปถึงตำแหน่งแชมป์

ทีมชาติเกาหลีใต้ จะไปไม่ถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 ถ้าหากตอนนั้นเทคโนโลยีวิดีโอช่วยตัดสิน ถูกบังคับนำมาใช้ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ

เชลซี ควรได้จุดโทษไม่ต่ำกว่า 2 ลูก ในเกมรอบรองชนะเลิศนัดชี้ชะตา ของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2009 และถ้าเป็นแบบนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงไม่ได้สร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิลแชมป์ ตั้งแต่ปีแรกที่คุมบาร์เซโลน่า

และอีกนับไม่ถ้วน ถ้าหากมีใครพยายามนึกย้อนความจำขึ้นมาอีก… 

______________________________

แต่ก็เพราะความผิดพลาดของผู้ตัดสินซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ใช่หรือ เราถึงได้เห็น VAR ถูกนำมาใช้ในการแข่งขันระดับสูงอย่างทุกวันนี้

เพราะฉะนั้นที่ อาร์แซน เวนเกอร์ บอกว่า ประตูของ ซามูเอล เอโต้ อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ มันอาจไม่ใช่แค่ของอาร์เซน่อลทีมเดียว

แต่เป็นประวัติศาสตร์ฟุตบอลของโลกนี้เลย!! เครดิต : เสียบสามเหลี่ยม