[บทความ] : RVP รับไม่คิดว่าป๊าจะวางมือหลังย้ายมา - ชี้ต้องการความท้าทายใหม่ถึงเลือกผี
จำนวนเข้าชม 1984 ครั้ง
5 ปีที่แล้ว
บทความ : RVP รับไม่คิดว่าป๊าจะวางมือหลังย้ายมา - ชี้ต้องการความท้าทายใหม่ถึงเลือกผี
โรบิน ฟานเพอซี่ย์ ทิ้งพึ่งแขวนสตั๊ดไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน กลับมาย้อนนั่งเล่าความประทับใจที่เขามีตลอดเส้นทางการค้าแข้ง กับ BBC
อย่างที่ทราบกัน โรบิน ฟานเพอซี่ย์ ประกาศย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์ปี 2012 จากอาร์เซน่อล
"ผมเข้าใจดี ว่าผมจะต้องทำให้แฟนๆ(อาร์เซน่อล)โกรธผม" RVP กล่าว
"ผมเป็นกัปตันทีมของพวกเขา ผมเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมในปีนั้น และพวกเราก็จบอันดับที่ 3
แต่บางครั้งคุณก็รู้สึกว่า คุณต้องการความท้าทายใหม่ และการเดินทางใหม่ๆ"
"ถ้าผมทำให้ใครต้องเจ็บปวด ผมขอโทษ แต่นั่นคือตัวผม ผมคือคนที่ตัดสินใจ
และผมก็ต้องยืนหยัดอยู่กับมันให้ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะมองอาร์เซน่อลไปในทางที่ไม่ดี"
"ผมไม่เคยพูดให้ร้ายกับสโมสรอาร์เซน่อล ที่นั่นคือสโมสรฟุตบอลที่สวยงาม
ผมมีช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ที่นั่น ผมย้ายมาร่วมทีมในตอนที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ผมเติบโตจากวัยเด็ก กลายเป็นผู้ใหญ่ที่นั่น"
"ผมไม่มีความรู้สึกแย่ๆต่อใครเลยที่อาร์เซน่อล ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขาสำหรับโอกาสที่พวกเขามอบให้กับผม
แม้ว่าผมจะก่อข้อผิดพลาดมากมายในช่วงหลายปีที่นั่น เพราะผมก็โดยใบแดงโง่ๆหลายครั้ง
แต่อาร์เซน เวงเกอร์ก็ยังให้โอกาสผม และที่สโมสรแห่งนั้น ผมคิดว่าที่นั่นคือครอบครัว"
"ในตอนที่ผมจะย้ายออกไป อาร์เซน เวงเกอร์ กับตัวผมเอง พวกเราไม่เคยมีปากเสียงกันเลย ในบางครั้งพวกเราก็มีความคิดที่แตกต่างกัน"
"ในช่วงเวลาสำคัญ คุณจะต้องตัดสินใจเรื่องที่ยากมากๆ และมันเป็นการตัดสินใจที่ยากจริงๆ"
"ผมรู้ ถ้าการตัดสินใจของผมเป็นแบบนั้น ผมคงทำให้ทุกคนไม่พอใจผม
ผมได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้เมื่อไม่นานมานี้ และสิ่งนั่นก็จะเป็นตัวผมต่อไป ผมคือคนตัดสินใจเลือกทางเดินของชีวิตตัวเอง และผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้"
ในเบื้องต้น การย้ายไปร่วมทีมของฟานเพอซี่ย์กับยูไนเต็ดอาจจะดูไม่เวิร์คเท่าไหร่นัก ตลอด 8 ปีกับอาร์เซน่อล
เขาเคยคว้าแชมป์กับทีมอาร์เซน่อลแค่ครั้งเดียว คือเอฟเอคัพในปี 2005 และเขาได้รางวัลดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก 1 ครั้งในฤดูกาล 2011/2012 ก่อนย้ายมายูไนเต็ด
"ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเราคว้าแชมป์ลีกได้!" ฟานเพอซี่ย์ กล่าวด้วยความโล่งใจ
"นั่นคือเป้าหมายของเรา ในปีแรกทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันพิเศษจริงๆ"
"ผมคิดว่าผมมีโอกาสในการทำประตูกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น้อยกว่าที่อาร์เซน่อลในปีก่อนหน้าครึ่งนึงเห็นจะได้ และผมก็ทำประตูได้เกือบจะเท่ากันๆใน 2 ปีนั้น"
"ผมได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีมของผม และจากเซอร์ อเล็กซ์ เขาพยายามให้ทุกคนส่งบอลมาให้ผม
หลังจากผ่านไป 2-3 เดือน ทุกคนในสโมสรก็เริ่มรู้สึกแล้วว่า 'โอเค ปีนี้จะเป็นปีของพวกเรา' ในเกมที่ยาก
พวกเราก็เอาชนะได้ บางทีพวกเราก็โชคดีที่ทำประตูได้ เมื่อคุณรู้ว่าเป็นแบบนั้นแล้ว อะไรๆมันก็เข้าทางไปหมด"
อย่างไรก็ตามหลังจบฤดูกาล ฟาน เพอซี่ย์ต้องพบกับข่าวช็อค ที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันประกาศวางมือจากการคุมทีม
"ใช่เลย มันเป็นเรื่องที่หนักมากๆ" ฟาน เพอซี่ย์ กล่าวยืนยัน
"ในความคิดของผม ผมคิดว่าเขาจะอยู่ไปอีกอย่างน้อย 3 ปี แต่คุณก็รู้ว่าฟุตบอลมันเปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน ดังนั้นผมก็ต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้ได้"
"เขาคือหนึ่งในเหตุผลหลักๆที่ผมเลือกเซ็นสัญญากับทีม แต่แน่นอนการได้ลงเล่นร่วมกับผู้เล่นอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมันย่า วิดิช
ตลอดหลายปีผมได้ลงเล่นกับผู้เล่นอย่างอ็องรี และเบิร์กแคมป์ แต่ก็นั่นแหละ พวกเขา (ริโอ วิดิช) ก็เป็นเหตุผลให้ย้ายไปร่วมทีมยูไนเต็ดด้วยเช่นกัน"
หลังเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันวางมือ ฟานเพอซี่ย์ก็ยังมีบทบาทสำคัญกับทีมภายใต้การทำทีมของเดวิด มอยส์ในปี 2013-14 ก่อนที่เขาจะถูกขายออกไปในช่วงปีที่ 2 ของหลุยส์ ฟานกัล
"ในตอนนั้นผมเหลือสัญญากับทีม 1 ปี และในสัญญาผมก็ควรที่จะอยู่ต่อไป แต่ฟานกัลก็ได้อธิบายเหตุผลกับผมชัดเจนว่า เขามีความต้องการอะไร"
"จากนั้นผมก็คือคนที่จะต้องตัดสินใจ ผมจะอยู่ต่อไปเพื่อต่อสู้กับตำแหน่งตัวจริง?
มันจะเป็นการแข่งขันที่ตรงไปตรงมาหรือเปล่า? จากสิ่งที่ผมเห็นทั้งหมด ผมเลือกที่จะย้ายออกไป"
"แต่มันก็เป็นช่วงเวลา 3 ปี ไม่ใช่ 3 วัน มันก็ยังคงเป็นช่วงระยะเวลาที่นานพอสมควร
ช่วงเวลาที่ผมกับยูไนเต็ดก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในอาชีพฟุตบอลของผม ตลอด 11 ปีในการเล่นฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ... ในฐานะเด็กคนนึงที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน"
"ผมอยากขอบคุณอาร์เซน่อล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับโอกาสที่มอบให้กับผม ผมเริ่มเล่นฟุตบอลในตอนที่ยังเป็นเด็กน้อย
ไม่มีอะไร มีเพียงแค่ชุดวอร์มและลูกฟุตบอล ในตอนท้ายอาชีพของผม ผมมีอาชีพการงาน และการใช้ชีวิตที่ดีแบบนี้
ผมกลายเป็นคนอย่างที่ผมเป็นในทุกวันนี้ ผมคิดว่าผมก็จะยังยืนหยัดอยู่กับตัวเองแบบนี้ต่อไป"
"ผมได้เรียนรู้ ผมได้พบเจอกับข้อผิดพลาดมากมาย แต่ผมก็ได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ผมภูมิใจในสิ่งเหล่านั้น"
"ผมจะยังไม่ยืนยันว่าจะทำอะไรหลังจากนี้" ฟาน เพอซี่ย์ กล่าว
"แม้ว่าผมจะรู้สึกขอบคุณกับชีวิตที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ และถ้าหากผมยังอยู่ในวัฐจักรของฟุตบอล
ผมจะต้องส่งรายงานในตอน 9 โมงเช้าทุกวัน ผมจะต้องไปปรีซีซั่น ผมจะต้องไปที่นั่น ผมจะต้องโชว์ฟอร์ม"
"ตอนนี้ผมไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็หนึ่ง ผมสามารถเป็นโค้ชได้ เพิ่มเติมเต็มในสิ่งที่ผมต้องการ
แต่ผมต้องการที่จะรักษาสภาพร่างกายต่อไป และผมก็จะยังคงเล่นกีฬาต่อ ไม่ว่าจะเป็น เทนนิส ว่ายน้ำ
ผมจะยังคงทำอยู่ แต่โดยส่วนใหญ่ผมแค่อยากจะสนุกกับช่วงเวลาใช้ชีวิตอย่างอิสระ ซึ่งผมไม่เคยมีมาก่อน"
"ผมสามารถทำเอกสาร (การเป็นโค้ช) ในพรุ่งนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าผมต้องการทำ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่า
ผมจะอยากใช้เวลาศึกษาก่อน มันมีหลายอย่างที่แตกต่างจากการเป็นผู้เล่น คุณจะต้องเริ่มจากพื้นฐานเบสิคทั่วๆไป
ถ้าผมทำแบบนั้นผมก็จะได้เรียนรู้ และผมก็จะได้พบเจอกับข้อผิดพลาดอีกครั้ง"
"ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเกมฟุตบอล เกี่ยวกับระบบ เกี่ยวกับแท็กติค เกี่ยวกับวิธีการจัดการผู้เล่น
ผมได้พบกับผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมมากๆ และผมก็เรียนรู้จากพวกเขาทุกคน"
"ในฐานะผู้จัดการทีม คุณจะต้องเป็นโค้ชของผู้เล่น 25 คน บวกกับสต๊าฟ 15 คน บวกกับผู้อำนวยการกีฬา
คุณต้องจัดการกลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมด และนั่นแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากการที่ผมโฟกัสไปกับฟอร์มการเล่นส่วนตัวในตอนที่ยังเป็นผู้เล่น"
"ถ้าผมเลือกไปเส้นทางนั้น มันก็จะเป็นการผจญภัยครั้งใหม่อีกครั้ง แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะทำหรือเปล่านะ"