สปิริตของคนแพ้
จำนวนเข้าชม 1080 ครั้ง
4 ปีที่แล้ว
สปิริตของคนแพ้
.
เป็นที่รู้กันว่าผลการแข่งขันในเกมส์เมื่อคืน แดงเดือดที่ทุกคนเฝ้ารอจบด้วยผลงานที่สวยงามของลิเวอร์พูล แต่ยูไนเต็ดก็ปราชัยอีกครั้งในเกมส์นี้ แต่ถือเป็นการแพ้ให้กับทีมที่ดีที่สุดในโลก
.
ลิเวอร์พูลแกร่งทั่วแผ่นดิน โหดทุกตำแหน่ง และฟอร์มจัดทุกคน เราต้องยอมรับว่าจริงว่า อาวุธที่ลิเวอร์พูลกับอาวุธที่ยูไนเต็ดต่อกรนั้นค่อนข้างแตกต่าง แต่ทว่ายูไนเต็ดก็ได้ทำหน้าที่อย่างสุดกำลังเท่าที่ตัวเองจะทำได้แล้ว แต่สำหรับผมเกมส์นี้ถือเป็นเกมส์ที่ดีในระดับต้นๆ ของปีที่เลยที่ยูไนเต็ดสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ
.
ก่อนจะเข้าเรื่องเกมส์เมื่อคืนนี้ ผมขอแสดงความยินดีให้แก่ ลิเวอร์พูล สำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีคในปีนี้ จริงอยู่ที่ว่าการแข่งขันเพิ่งเข้าสู่ช่วงที่ 3 ของฤดูกาล แต่ด้วยแต้มห่าง และฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม คงไม่มีใครคิดหรอกว่าลิเวอร์พูลจะพลาดแชมป์ในปีนี้ และต่อให้แพ้ติดต่อกัน 8 นัด ก็ใช่ว่าลิเวอร์พูลจะพลาดแชมป์ ดังนั้นผมเองก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้า และยอมรับด้วยใจจริงว่า ทีมพวกคุณมันแข็งแกร่งและสุดยอดจริงๆ
.
กลับมาสู่เกมส์เมื่อคืนนี้ หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมโอเล่ถึงติดตั้งแผนการเล่น 3-5-2 ทั้งที่เกือบทั้งฤดูกาลในปีนี้ เล่นอยู่แผนเดียว หลายคนสงสัยว่าทำไมมาต้าฟอร์มที่โดดเด่นกลับเลือกเปเรร่าลงตัวจริงก่อน และหลายคนสงสัยว่า ทำไมกรีนวู้ดควรสำรองให้กับเจมส์ทั้งที่ฟอร์มเจมส์ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าที่ควร และสุดท้ายยังมีคนสงสัยว่าโซลชายังพร้อมกับยูไนเต็ดหรือไม่ เพราะเมื่อคืนแทบไม่ทันทำอะไร
.
ผมขออธิบายเรื่องแผนการเล่นก่อนนะครับ โซลชาจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนจาก 4-5-1 เป็น 3-5-2 ก็เพราะว่า อาการบาดเจ็บของแรชฟอร์ดนั้นเอง การจะเล่น 4-5-1 จำเป็นต้องมีแรชฟอร์ดอยู่ในแผน แต่เจ้าตัวนั้นได้รับบาดเจ็บพลาดลงเล่น ส่วนประเด็นความเสี่ยงที่เราเห็นได้ชัดเมื่อเล่น 3-5-2 คือความเข้าใจในเรื่องของแท็คติก เรื่องนี้ผมเข้าใจนะครับว่าทุกคนซ้อม 4-5-1 มาตลอดแต่จะเปลี่ยนเฉพาะเกมส์ คงปรับกันอยู่นาน และปัญหาหลักในเกมส์เมื่อคืน ก็คือ เรื่องการป้องกันประตู เรามี บิซซาก้าและวิลเลี่ยม เป็นวิงค์แบ็ค แต่ทั้งคู่ยังหนุ่ม และยังไม่เคยเจอประสบการณ์เกมส์ระดับสูงแบบนี้ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า เราเสียเปรียบหลายจังหวะมากในเกมส์เมื่อคืน แม้ว่าบิซซาก้าจะโดดเด่นเรื่องการสกัดก็ตาม
.
ส่วนกองหลัง 3 คนจุดที่เป็นข้อเสียหลักคือ การที่เอาชอว์มาเล่นเป็นกองหลังตัวกลางอีกคน จริงอยู่ที่ชอว์สามารถทำผลงานได้ดีเลยในเกมส์เมื่อคืน แต่ด้วยความสูงและความเก๋า ทำให้เสียเชิงลูกตั้งเตะ หากเราสังเกตนะมีแม็คไกวร์พยายามจะสกัด แต่ด้วยจังหวะของเพื่อนๆ ยังไม่ค่อยเข้าใจกันทำให้จังหวะสกัดลูกตั้งเตะยังทำได้ไม่ดี ส่วนลินเดอเลิฟที่ต้องตั้งคำถามมากที่สุดว่า ยังดีพอหรือเปล่า หรือที่จริงแล้ว โอเล่รอไบยี่เพื่อมาคู่กับแม็คไกวร์ หรืออย่างไร เพราะเจ้าตัวมักจะสร้างโอกาสให้คู่แข่งอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีจังหวะสกัดสวยๆ แต่ในเกมส์ระดับสูง โอกาสผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ก็คือความพ่ายแพ้
.
กลับมาแดนกลางของทีมหลายคนสงสัยว่าทำไมต้องมาติช ผมกลับมองต่างว่า มาติชทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเมื่อคืนนี้ แต่แค่ว่าเจ้าตัวนั้นไม่ได้มีความเร็วเหมือนอดีตแล้ว เขาเล่นพยายามครองเกมส์ และพยายามจ่ายง่ายๆ บางจังหวะจ่ายสวย และบางจังหวะเล่นง่าย แต่สำหรับผมแล้วเกมส์เมื่อคืน มาติชทำหน้าที่ในเรื่องการป้องกันได้ดีทีเดียว และส่วนเฟร็ดคือมนุษย์ที่ผมต้องยอมรับในหัวใจเลย ปีก่อนทุกคนต่างด่าว่า นี่มันเฟร็ดเขร้ที่ไหน ฟอร์มกระจอก จะคุ้มไหม แต่เกมส์เมื่อคืนนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า เฟร็ดเองก็มีความเห็นยอดกองกลาง box to box ของโลกได้เช่นกัน สิ่งที่เฟร็ดมีคือสิ่งที่กองกลางที่ดีควรมีทั้งหมด การจ่ายบอล ทัศนวิสัย การครองบอล การแย่งบอล ลูกตุกติก อารมณ์ร่วม เฟร็ดมีทุกอย่างในเกมส์เมื่อคืน แม้ผลลัพธ์มันไม่ได้ตรงตามที่ต้องการ แต่เฟร็ดเองถือเป็นนักเตะที่มีพัฒนาการอย่างน่าเหลือเชื่อเลยสำหรับผมในตอนนี้
.
ต่อมาทำไมเปเรร่าต้องลงก่อนมาต้า ว่ากันด้วยแท็คติกแบบไม่อคติเลยนะครับ เปเรร่าคือกองกลางที่วิ่งเยอะอันดับต้นๆ กับทีม ซึ่งการจะฟัดกับแดนกลางของลิเวอร์พูลที่มีสถิติการวิ่ง 12 กิโล ก็ไม่แปลกที่ต้องเอาเปเรร่ามาคานอำนาจ จริงอยู่ว่าเปเร่ร่าเล่นได้แค่นี้แหละ ไม่ได้เก่งไปกว่านี้ แต่หากมาต้าลงในมุมมองผมอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ เปเรร่าทำได้ดีในหลายๆ จังหวะ แม้ว่าเจ้าตัวไม่เด็ดขาด แต่ก็ถือว่ามีความพยายามที่ดี พยายามพาตัวเองไปอยู่จุดที่ควรอยู่ ผมว่าเป็นเรื่องดี แต่ต้องทำความเข้าใจว่าเจ้าตัวเพิ่งเริ่มปรับมาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 และคงไม่ได้เฟอร์เฟคตามที่ทุกคนหวัง
.
ส่วนประเด็นเจมส์ก่อนกรีนวู้ดอันนี้ผมยอมรับได้ครับ เราเห็นได้ชัดเลยว่าวิลเลี่ยมตื่นสนามในฐานะเยาวชนของทีม แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ แน่นอนว่ากรีนวู้ดลงสนามก็ตื่นสนามไม่แพ้กัน ดังนั้นการที่เอาเจมส์ตัวจริงนั้นเป็นเรื่องที่โอเล่ตัดสินใจถูกต้องแล้ว แต่มันมีปัญหาคือว่า เจมส์ไม่เข้าใจบทบาทการเล่นหน้าคู่ก็เท่านั้น ต้องยอมรับนะครับว่า คนไม่เคยเล่นจะให้เล่นยัง และสังเกตได้เลยว่าหลายครั้ง เจมส์กับเปเรร่าวิ่งทับตำแหน่งกัน เพราะยังงงกับระบบเฉพาะกิจที่ติดตั้งในเกมส์เมื่อคืนนี้ ดังนั้นสำหรับผม ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ การปรับตัวให้ได้กับทุกแท็คติกที่โค้ชต้องการให้เล่นก็เท่านั้น
.
มาร์กซิอัลคือคนที่ผมอยากพูดถึงมากที่สุด หากประตูที่เข้ายิงข้ามคาม เปลี่ยนเป็นท่าถนัดที่เขาเคยทำมันประจำ ผมว่าเกมส์เมื่อคืนมีโอกาสพลิกอย่างแน่นอน อย่างที่ผมบอก เกมส์ระดับสูงวัดด้วยความเฉียบคม แต่มาร์กซิอัลทำไม่ได้ และซาลาห์ทำได้ นั้นแหละข้อแตกต่าง และต้องยอมรับว่าการเล่น 3-5-2 โดยมีมาร์กซิอัลนั้นไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพเท่าไร เพราะนักเตะไม่ได้เด่นเรื่องการเป็นแนวหน้าฝ่ายทะลุทะลวง แต่พอครึ่งหลัง โอเล่ปรับแผนเล่นตามเดิม 4-5-1 เจ้าตัวก็เริ่มกลับมามีบทบาทบ้าง จากที่ครึ่งแรกของเกมส์หายไปอย่างชัดเจน
.
ดังนั้นหากใครดูฟอร์มเมื่อคืนโดยไม่อคตินะ จะเห็นได้ว่ายูไนเต็ดชุดพิการก็สู้ได้เต็มที่ที่สุดแล้ว ดีกว่าเกมส์นัดแมนฯซิตี้ ที่ผมถือเป็นเกมส์อัปยศที่สุดของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยปัจจัยหลายอย่างในเกมส์นี้ทำให้โอเล่ต้องวางแผนมาแบบนี้ การเสียประตูจากลูกตั้งแต่โดยกองหลังที่เก่งที่สุดในโลก การขาดแรชฟอร์ดดาวยิงตัวความหวัง การขาดแดนกลางที่เป็นแนวขับเคลื่อนของทีม ทุกอย่างเป็นปัจจัยในแง่ลบทั้งสิ้น แต่สิ่งที่แสดงออกมาเมื่อคืนนี้ ถือเป็นเรื่องที่ผมประทับใจอย่างยิ่ง และหากมีจุดตำหนิเดียวก็คือ การที่โซลชาประเมิณขุมกำลังของทีมตัวเองผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง และถือเป็นปัญหาใหญ่หลวง เมื่อนักเตะหลายคนได้รับอาการบาดเจ็บ
.
และโซลชายังเหมาะสมกับการคุมทีมยูไนเต็ดอีกหรือไม่? ผมเองไม่ได้โลกสวยนะ และผมเองก็ด่าโซลชาทุกนัดที่แพ้เมื่อกัน แต่เกมส์ที่แพ้กับลิเวอร์พูลผมกลับเห็นประกายเล็กๆว่า โซลชาอาจจะพาทีมกลับมาได้จริงๆ แต่ต้องมีการสนับสนุนที่ดีจากบอร์ดบริหารด้วย และคำถามต่อมาคือ บอร์ดบริหารจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีแค่ไหน อันนี้แฟนบอลคอยติดตามละกัน และผมก็หวังนะว่าบอสโอเล่จะเข้าใจเรื่องของการเป็นผู้แพ้ในคืนนี้
.
ลิเวอร์พูลรอคอยการเป็นแชมป์ลีคสูงสุด 30 ปี ผ่านการด่าทอแฟนบอลกันเอง ผ่านการเหยียดหยามแฟนบอลฝั่งตรงข้าม ผ่านการอดทนความล้มเหลว ปีแล้วปีเล่า แต่พวกเขาก็รอ อดทน และพาตัวเองมาถึงสิ่งที่เรียกว่า "วันนี้" ตอนนี้ ลิเวอร์พูลคือทีมที่เก่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เราอาจจะต่อกรได้แค่บางช่วง ยูไนเต็ดเราก็ยังมีอีกหลายปัจจัยเช่นกันที่ยังต้องเสริมทัพปรับแกร่ง ให้ทีมเดินหน้า ยูไนเต็ดเคยเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเช่นกัน ดังนั้นมันก็แค่ยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน และลิเวอร์พูลก็กลับมาอยู่ในจุดที่เราเคยอยู่
.
ผมเข้าใจดีความพ่ายแพ้เจ็บปวดแค่ไหน บางครั้งเราแค่ต้องยอมรับว่าความจริงว่าเรายังไม่ดีพอ เราแพ้ทีมที่เหนือกว่า ด้วยผลงานและฟอร์มการเล่น แต่ผมเองก็ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่า การที่เราแพ้เกมส์นี้ เราสูญเสียทุกอย่าง มันไม่ใช่ ปีนี้อาจจะเป็นปีที่ลิเวอร์พูลครองอำนาจ แต่หากเราจะกลับมายึดอำนาจ เราต้องวางแผนและเตรียมพร้อมรบให้ดี บทเรียนในปีนี้ คือ สมบัติอันมีความหมายที่เราจะได้เรียนรู้ และหากปีหน้าเรายังไม่เรียนรู้อะไร เราก็ถอยหลัง แต่หากเราพัฒนาและเดินไปข้างหน้า เราก็มีโอกาส จำไว้นะครับ "ไม่มีใครอยู่คับฟ้าหรอก"
.
"ไม่มีใครอยากแพ้หรอก ทุกคนอยากชนะ"
"และทุกคนที่อยากชนะ ก็ต้องพยายามมากว่าคนที่แพ้"
"เราเลิกได้ว่าเราจะเป็นคนที่พยายาม หรือ เป็นคนที่เคยชิน"
.
สำหรับวันนี้ขอบคุณครับ