แผลที่ถูกเปิดของลิเวอร์พูล
จำนวนเข้าชม 1165 ครั้ง
4 ปีที่แล้ว
แผลที่ถูกเปิดของลิเวอร์พูล
ต้องบอกได้เลยว่าลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดแล้วในปีนี้ แถมยังสามารถเก็บชัยชนะในลีค 26 นัด เสมอ 1 นัด และ แพ้อีก 1 นัด และเป็นทีมที่มีโอกาสเป็นแชมป์ไร้พ่าย และทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากที่แพ้ให้กับแอตฯมาดริด
ดูเหมือนว่าความมั่นใจในการเล่นของลิเวอร์พูลนั้นอยู่ในระดับสูงมาก จริงอยู่ว่าแกนหลักของทีมนั้นอาจจะไม่อยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าระดับโลก แต่ทีมเวิร์คของทีมนั้นไปไกลอีกกว่า เพราะทุกครั้งในปีนี้ ลิเวอร์พูลที่มีปัญหากับการเจาะเกมส์รับคู่แข่งในปีก่อน สามารถทะลวกได้ด้วยเกมส์รุกที่โครตจะสมบูรณ์แบบของทีม แถมยังมีเพลย์เมกเกอร์ที่เล่นแบ็คทั้งสองฝั่งอยู่ในทีมด้วย
แต่ทว่าเอาจริงๆ แผลของลิเวอร์พูลนั้นถูกเปิดให้เห็นตั้งแต่นัดที่เจอกับยูไนเต็ดแล้ว ในเกมส์นั้นลิเวอร์พูลเกมส์รับแย่ แต่ก็มีให้เห็นว่าพลาด สิ่งที่ทดแทนคือเกมส์รุกที่เฉียบคม ประกอบด้วยยูไนเต็ดในเกมส์นั้นขาดผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนเกมส์ได้ ผลงานเลยออกมาโดยที่ลิเวอร์พูลยังคือทีมที่เหนือกว่า
หลังจากเกมส์นั้นเป็นต้นมา ลิเวอร์พูลมีจังหวะผิดพลาดเล็กๆ น้อยทุกเกมส์ แผลเริ่มเห็นทุกนัด แต่ด้วยกองหลังที่ยังโชว์ฟอร์มได้ดี และผู้รักษาประตูอย่างอลิซอนอยู่ช่วงมั่นใจ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะง่ายดายไปหมด แม้ว่ากองหน้านั้นจะเริ่มยิงได้น้อยแล้วก็ตาม แต่แล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงพักเบรค ดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลนั้นขาดความเฉียบคมในการเล่นอย่างยิ่งเลย
จริงอยู่ว่าการเล่นของลิเวอร์พูลนั้นดุดันเหมือนเคย แต่ทว่าแผนที่ใช้นั้นคือแผนเดิมๆที่ทุกทีมก็พร้อมจะโค่นลิเวอร์พูล และลิเวอร์พูลเองยังแบกความหวัง ความสำเร็จ และเกียรติยศต่างๆ ของแฟนบอล ทั้งไร้พ่าย 3 แชมป์ในปีเดียว รวมถึงรายละเอียดสถิติเล็กๆน้อยๆ ต่างๆที่ต้องจะประสบความสำเร็จในปีนี้ เพราะหากไม่สามารถจัดการในปีนี้ได้ ก็ไม่แน่ใจแล้วว่าทีมจะมีผู้เล่นพีคพร้อมกันได้อีกเมื่อไร
ทว่าสิ่งที่เป็นแรงกดดันมหาศาล ซึ่งนักเตะลิเวอร์พูลแบกก่อนเจอเกมส์กับแอตฯมาดริดนั้น กลับเป็นผลเสียแต่ตัวสโมสรเอง เพราะความมั่นใจที่จะทำลายเกมส์รับของแอตฯมาดริด แต่กลับเป็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ซึ่งมันทำให้กำลังใจที่กำลังมีมากพอทำลายฝ่ายตรงข้าม กลับมีปัญหาทิ่งแทงตัวเองไปด้วย ทั้งนี้ยังต้องเสียกัปตันทีมที่เป็นหัวใจแดนกลางของทีมอีก ทำให้ทีมมีปัญหา และมันก็มีปัญหาจริงๆ ทั้งในเกมส์กับวัตฟอร์ด และ เชลซี ที่ลิเวอร์พูล ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ และเสียประตูมากมายขนาดนี้ เราจะย้อนมองว่าสาเหตุหลักจริงๆ มันคืออะไรกันแน่ หากคล็อปไม่หาทางแก้ เกรงว่าทีมจะหลุดสมาธิยาวแน่นอน
1.สมาธิแนวรับไม่เหมือนเดิม ที่จริงแล้วฟานไดซ์ไม่ได้เป็นนักเตะที่อยู่บนจุดสูงสุดในแนวรับของทีมตอนนี้ ผลงานของปีก่อน คือที่สุดของวงการ และทว่าผลงานปีนี้ดร็อปลงอย่างน่าใจหาย เจ้าตัวเหมือนจะเหม่อลอยอยู่ทุกช่วงในตอนนี้ หากไม่เรียกสติ ผลลัพธ์ร้ายจะตามมา และพาร์ทเนอร์ของเขาเองในปีนี้ กลับไม่ได้ดั่งใจนึก จริงที่ว่าลิเวอร์พูลเสียประตูน้อยมากในปีนี้ แต่พอทีมขาดความมั่นใจก็สามารถเสีย 6 ประตูใน 3 นัดได้ รวมถึงอลิซอนที่ดูเหมือนว่า จังหวะการตัดสินใจช่วงนั้นจะค่อนข้างมีปัญหา ทำให้ประสิทธิภาพการประสานงานในแดนหลังทั้งหมดมีปัญหา หากลิเวอร์พูลจะปิดจุดที่ปัญหาตอนนี้ ต้องขันแนวรับของทีมกันใหม่
2.แฮนเดอร์สันตัวความหวังของทีม นักเตะหายไปจากอากาดบาดเจ็บ ฟอร์มของทีมก็หายไปพร้อมกับแฮนเดอร์สัน ทุกคนต่างพูดว่า แฮนเดอร์สันไม่สำคัญตรงไหน แต่ทว่าเมื่อไม่มีเขาอยู่ในสนาม ทุกคนจะคิดถึงเขาทันที นั้นแหละสิ่งที่แฮนเดอร์สันเป็นเมื่อยามลงเล่น เพราะเขาคือนักเตะประเภท เกะกะฝั่งตรงข้าม และมีประโยชน์ในทีมทั้งเกมส์รับ และ เกมส์รุก ไม่แปลกใจเมื่อนักเตะรายนี้หายออกไป เกมส์ที่ลื่นๆ ในแดนของลิเวอร์พูล กลับหายไปอย่างสิ้นเชิง
3.แนวรุกของทีม เป็นที่เข้าใจกันว่า ซาล่าห์กับมาเน่อยู่ในฟอร์มที่ดีทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างทำประตูได้ แต่ทว่าอีกคนที่ฟอร์มเริ่มไม่คงเส้นคงวานั้นคือฟิร์มิโน่นั้นเอง ฟิร์มิโน่ช่วยทีมมากมายในปีนี้ แต่ช่วงหลักฟอร์มที่เคยมีกลับเริ่มหาย เมื่อเจ้าตัวหายไปจากเกมส์ ประสิทธิภาพเกมส์รุกหายไปด้วย ฟิร์มิโน่ไม่ใช่นักเตะที่ยิงประตูมากมาย แต่เป็นนักเตะที่คอยช่วยเหลือเพื่อนให้อยู่ในพื้นที่สุดท้าย และสร้างสกอร์ได้ ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวดร็อปลงไปเยอะ ทำให้เกมส์รุกของลิเวอร์พูลเริ่มเจอทางตันในบางนัด
4.นักเตะที่หายเจ็บ ฟอร์มหาย นี่คือช่องว่างที่ใช้จริงๆ ของลิเวอร์พูลในตอนนี้ ช่วงแรกนักเตะบาดเจ็บยังสามารถทดแทนด้วยระบบ และฟอร์มการเล่นของทั้งที่ แต่ทว่า ตอนนี้กลับแตกต่างเมื่อนักเตะหลายคนที่หายเจ็บ เอาฟอร์มที่ดีอยู่โรงพยาบาลไม่นำกลับมาในสนามด้วย ทำให้ระบบที่วางไว้ ไม่เป็นไปตามแผน ก็หวังว่าคล็อปจะรีดฟอร์มนักเตะที่เจ็บให้กลับมาคืนฟอร์มให้ไว
5.สุดท้ายช่องว่างระหว่างตัวจริงแล้วสำรอง มากมายมหาศาล ลิเวอร์พูลไม่ได้ลงตลาดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่มีมิโน๊ะที่เข้ามาช่วงตลาดหน้าร้อน การโรเตชั่นกับผู้เล่นดาวรุ่ง เกิดผลลัพธ์ได้ตามที่ไม่ต้องการอยู่มาก โอเคนัดก่อนๆ ลิเวอร์พูลยังเอาตัวรอดได้ แต่ด้วยท้ายฤดูกาลแล้ว นัดที่ลงเล่น พร้อมระยะทางความล้าของนักเตะแต่ละคนเริ่มจะเห็นชัดเจนขึ้น และสิ่งสำคัญคือ เมื่อนักเตะล้า ต่อให้ใจสู้แค่ไหน ก็ทนไม่แข่งไม่ไหว จะบาดเจ็บเปล่าๆ ส่วนนักเตะบางคนใจสู้แค่ไหน ฝีเท้าไม่ได้ ก็ไม่ได้รับเลือกอยู่ดี ดังนั้นช่องว่างของลิเวอร์พูลจุดนี้ คือเป็นเรื่องที่ต้องรีบแก้ไข หากไม่อยากได้รับผลการแข่งขันที่ไม่ดีในช่วงที่เหลือของฤดูกาล
แชมป์พรีเมียร์ลีคคือสิ่งที่อยู่ในมือของลิเวอร์พูลมากที่สุดตอนนี้ เพราะด้วยแต้มที่ห่าง แต่ทีมอื่นก็พลาดโอกาสจะเป็นแชมป์รายการนี้มีสูงมาก หากเก็บแค่ชนะอีก 4 นัดเท่านั้น ส่วนแชมเปี้ยนลีคอยู่ที่ว่าฟอร์มของแอตฯมาดริดจะเป็นอย่างไร หากลิเวอร์พูลสร้างโมเม้นราวค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมในเกมส์กับบาร์ซ่าได้ โอกาสที่ผ่านเข้ารอบต่อไปก็ยังมีหวัง แต่หากทำไม่ได้ คงต้องยอมรับว่า ทีมยังมีรายละเอียดที่ต้องแก้กันต่อไป
ลิเวอร์พูลหลังจากนี้จะเล่นด้วยความกดดันมากขึ้น ไม่ใช่ผ่อนคลายตามที่ทุกคนนึก เพราะสิ่งที่ผิดหวังกับเกิดขึ้นซ้ำถึง 3 นัดซ้อน และ 3 นัดดังกล่าวคือสิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลหวังทั้งนั้น ดังนั้นช่วงนี้ภาวนาให้นักเตะแข็งแกร่งพอที่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้ เพราะหากทำไม่ได้ เกรงว่าสิ้นฤดูกาลคงจะเห็นนักเตะใหม่ๆ เข้ามาร่วมทีมอย่างแน่นอน